เที่ยวปักกิ่ง Day 2 | เที่ยวกำแพงเมืองจีน และ วิธีการเดินทางไปกำแพงเมืองจีนด่านปาต๋าหลิ่ง
หลับยาวตั้งแต่ 4 ทุ่ม ตื่นมาอีกที 7 โมงเช้า 5555 การพักผ่อนอย่างเพียงพอ ถือเป็นหัวใจสำคัญของการแบกเป้เที่ยว วันนึงๆ เราเดินเยอะมากนะคร๊า (แค่หลงทางก็ประมาณ 5กิโลแล้ว)
อาหารเช้าของที่นี่ค่ะ รสชาติกลางๆ แบนๆ ด้านขวานั่น คือไข่เจียวแผ่น ในเมนูบอกว่าออมเล็ต -“- หลอกกันเห็นๆ แต่กาแฟดีมากกกก ให้อภัย 🙂
กินอาหารท่ามกลางมวลหมู่ดอกไม้ มีตู้แช่ดอกไม้ด้วย คิดว่าเค้าน่าจะรับจัดดอกไม้ด้วยนะคะ
สวยป๊ะหล่ะ
แพลนของเราวันนี้คือ นั่งรถเมล์ไปกำแพงเมืองจีนค่ะ อ่านรีวิวจาก Pantip มาแล้ว คิดว่าไม่หลง
วิธีเดินทางไปกำแพงเมืองจีนด่านปาต๋าหลิ่งด้วยรถเมล์
นั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานีจีสุ่ยถาน (Ji shui tan) แล้วออกทางออก B เดินตามป้ายสีน้ำเงินที่มีตัวเลข 877 ไปเรื่อยๆ
ป้ายบอกทางเยอะมาค่ะ เดินไปเรื่อยๆ ไปทางประตูเต๋อเซิ่งเหมิน จริงๆ หน้าตาเหมือนป้อมมากกว่า (Deshengmen)
เราจะไปขึ้นรถเมล์สาย 877 ค่ะ อ่านว่า ปา-ชี-ชี ซึ่งระหว่างทางจะเจอคนจีนถือธงแดง ตะโกนว่า ปา-ชี-ชี ปา-ชี-ชี แล้วชี้ไปทางอื่น ไม่ต้องไปสนใจค่ะ เค้าจะให้เราไปขึ้นรถทัวร์เค้า เราเดินตามป้ายอย่างเดียว
ป้ายหน้าตาแบบนี้ ด้านหลังนั่นก็คือเต๋อเซิ่งเหมิน เรามาถึงแล้ววว
ต้องเดินข้ามถนนไป
ใช้บัตรอี้ข่าทงลด 50 เปอร์เซ็นต์ จาก 12 หยวน เหลือแค่ 6หยวนเท่านั้นนนน ถูกในถูก สแกนตอนขึ้นรถและลงรถค่ะ ถ้าไม่มีบัตรต้องซื้อตั๋วก่อนขึ้นนะ
จากเต๋อเซิ่งเหมิน ไปกำแพงเมืองจีน ด่านปาต๋าหลิ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที บนรถจะมีพนักงานประจำรถ เล่าเรื่องราวของกำแพงเมืองจีน และวิธีขึ้น-ลง กำแพงเมืองจีน ซึ่งเป็นภาษาจีนทั้งหมด – –
จุดจอดของรถเมล์สาย 877 เหมาะสำหรับ คนที่ตั้งใจจะขึ้น Slide Car ถ้าอยากขึ้นกระเช้าต้องขึ้นสาย 919 ค่ะ ซึ่งท่ารถก็อยู่ที่เต๋อเซิ่งเหมินเหมือนกัน แต่ถ้าอากาศไม่ดี กระเช้าจะปิด ดังนั้นเราเลยเลือกสไลด์ คาร์ (เรื่องเดินขึ้นหนะเหรอ ตัดทิ้งไปได้เลย)
นั่งดูวิวบ้าง เล่นเน็ตบ้าง (เราซื้อซิมทรูมา มันไม่ค่อยดีอ่ะ 4G หายตลอด ไม่ค่อยโอเค) ชั่วโมงนิดๆ เราก็ถึงจุดหมายค่ะ ซึ่งพนักงานที่มากับรถก็จะพาเดินไปที่จุดซื้อตั๋วสไลด์คาร์ ราคาบัตร 140 หยวน (เป็นค่าเข้ากำแพงเมืองจีน 40 หยวน สไลด์คาร์ไปกลับ 100 หยวน)
หลังจากได้ตั๋วแล้ว เดินไปขึ้นสไลด์คาร์กันจ้า เดินไม่ไกล แต่ชัน T-T ไม่ได้คาดว่า จ่ายเงินแล้ว ต้องเดินเหนื่อยขนาดนี้ 555
จุดขึ้นสไลด์คาร์อยู่ในสวนสัตว์หมีควาย (คือมีหมีควายเยอะมาก เห็นภาษาอังกฤษเขียนว่า Bear Paradise) ถ้าไม่ได้เดินผ่านซุ้มนี้คือ คุณ มา ผิด ทาง (โปรดกลับไปที่จุดเริ่มต้น)
หมีน่ารักมาก สามารถให้อาหาร พวก ข้าวโพดได้
ตอนขึ้นสไลด์ คาร์นี่ระทึกอยู่นะ เพราะรถมันไม่จอดค่ะ มันแค่ชลอ ต้องรีบก้าวขึ้นรถ แต่ไม่ต้องห่วงค่ะมี พนักงานช่วย ขึ้นทันชัวร์ แค่ทุลักทุเลนิดหน่อย อย่าหิ้วขอพะรุงพะรัง เพราะเราต้องมีมือไว้เกาะรถ + ถ่ายรูป
กำแพงเมืองจีนช่วง ปาต๋าหลิ่ง มีทั้งหมด 12 ป้อมค่ะ ป้อมที่สไลด์ คาร์พาขึ้นมาคือป้อมที่ 4 ส่วนหินสลักฮ่าวฮั่นโพ (八达岭好汉坡) อยู่ป้อมที่ 8
คนจีนส่วนใหญ่ก็จะเดินป้อมที่ 8 ค่ะ เพื่อถ่ายรูปกับหินสลักก้อนนี้ ซึ่งมีวลีเด็ดของท่านประธานเหมาสลักอยู่ “ปู๋เต้าฉางเฉิง เฟยฮ่าวฮั่น” แปลว่า “มาไม่ถึงกำแพงเมืองจีน ไม่ใช่ชายชาตรี”…(ก็ไม่ใช่ไง ไม่ไปก็ได้ กิกิ)
เห็นดอกไม้ด้วยนะ เสียดายฝนตก หมอกลง แต่ก็สวยไปอีกแบบ
เราเดินกัน 2-3 ป้อม ไม่อยากไปไกลเพราะต้องย้อนกลับมาขึ้นสไลด์ คาร์ที่จุดเดิม
จะมากำแพงเมืองจีน เอาข้าว เอาน้ำมากินกันด้วยนะ สามารถหาที่คนน้อยๆ แล้วปิคนิคได้เลย ข้างบนกำแพงของแพงอ่ะ ซื้อข้างล่างขึ้นมาก็ไม่ค่อยอร่อย ข้าวโพดปิ้ง แข็งมาก กินไม่ได้เลยจ้ะ ให้หมีควายไป
ลงมาที่จุดเดิม ต้องเดินกลับไปแถวช่องขายตั๋ว เพราะจุดขึ้นรถสาย 877 กลับเข้ากรุงปักกิ่งจะอยู่ขวามือของช่องขายตั๋วค่ะ
จาก Deshengmen เราตัดสินใจเดินเล่น โดยการเปิด Baidu Map จากสถานี Ji Shui Tan จะเดินเลาะทะเลสาบไปเรื่อยๆ จนถึง Houhai
ซึ่งเป็นความคิดที่พลาดมากๆ เพราะฝนตกตลอดทาง หนาวด้วย เปียกด้วย ฮืออออ
ถ้าใครอยากซึมซับบรรยากาศปักกิ่งตอนไม่มีคน แนะนำตอนฝนตกเลยจ้า สวย สงบ เสียงไม่ดัง แต่เอาเสื้อกันฝนมาด้วยนะจ๊ะ
นอกจากฝนจะตกตลอดทางแล้ว Lotus Lane ที่เคยเป็นที่ ผับ บาร์ ก็รื้อไปหมดแล้ว เราเดินเล่นแถวๆ Hutong แปบเดียว ก็เรียกแท็กซี่กลับโรงแรม

มื้อเย็น ฝากท้องไว้กับร้านบะหมี่แถวๆ โรงแรมค่ะ มันดีย์มากกกก เส้นเหนียวนุ่ม น้ำใสๆ ร้อนๆ ทานบะหมี่หลังเดินฝ่าฝนมา รู้สึกดีขึ้นเยอะ ชามนี้เป็นก๋วยเตี๋ยวเนื้อ
อันนี่สั่งมาลอง เบียร์ยี่ห้อ Yan Jing ขวดละประมาณ 20 บาท ถูกมากก รสดีด้วยค่ะ จิบเบียร์ กินปีกไก่หมาล่า เข้ากั๊น เข้ากัน
ต่อด้วยเนื้อแพะอีกซัก 2 ไม้ นี่ไม้ละ 6 หยวนค่ะ ก็ประมาณ 30 บาท ร้านที่ปักกิ่ง มี QR Code แบบนี้หมดเลย คนจีนส่วนใหญ่แทบไม่จ่ายเงินสดเลยค่ะ Cashless Society จริงๆ

ปิดท้ายวันที่ 2 ไปแบบหง่อมๆ ด้วยภาพทุเรียนหมอนทอง ราคา 39.8 หยวน (แต่ไม่รู้ขายเป็นกิโล หรือ ครึ่งกิโลแฮะ) พรุ่งนี้เราจะไป Summer Palace กันค่ะ
อ่านต่อ